10. แวงซ็องต์ กองปานี จากกองกลางสู่กองหลัง
ในสมัยเล่นอยู่กับอันเดอร์เล็ตช์ และฮัมบูร์ก ตำแหน่งของกองปานี คือมิดฟิลด์ตัวกลาง แต่พอย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เขาโดนมาร์ก ฮิวจ์ส จับมายืนเป็นเซ็นเตอร์แบ็กตัวหลัก และกลายเป็นว่า เป็นตำแหน่งที่เจ้าตัวเล่นได้ดีมากๆ มาจนถึงวันนี้ เขาก็ยืนหยัดในตำแหน่งนี้มาตลอด และได้รับการขนานนามว่า เป็นกองหลังอันดับต้นๆของศึกพรีเมียร์ลีกไปเรียบร้อยแล้ว สาเหตุก็เพราะทักษะของเจ้าตัวที่เคยเล่นสมัยเป็นกองกลาง พอปรับมาเป็นกองหลัง จึงกลายเป็นเซ็นเตอร์แบ็กที่มีเทคนิคชั้นยอดชนิดที่ไม่มีใครเหมือน
9. ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ จากกองกลางสู่กองหลัง
ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ แห่งบาร์เซโลน่า ตำแหน่งดั้งเดิมของเขา คือกองกลางตัวรับ ดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์ สามารถวิ่งขึ้นลงสนามได้ตลอดเวลา และไล่บอลราวกับหมาบ้า อย่างไรก็ตาม พอย้ายจากลิเวอร์พูลไปบาร์เซโลน่า เขาไม่สามารถแย่งชิงตำแหน่งตัวจริงกับพวกชาบี เอร์นันเดซ ,เซร์คิโอ บุสเกตต์ หรือ อันเดรส อิเนียสต้า ได้ ทำให้โดนถอยไปยืนเป็นเซ็นเตอร์แบ็ก แต่ก็ถือว่าเล่นได้ดีเยี่ยม และมีผลงานที่ใช้ได้เลยทีเดียว
8. ยาย่า ตูเร่ กองกลางตัวสู่กองกลางตัวรุก
ในสมัยอยู่กับบาร์เซโลน่า ยาย่า ตูเร่ สร้างชื่อในฐานะกองกลางตัวรับ แต่พอย้ายมาอยู่กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กุนซือโรแบร์โต้ มันชินี่ ก็ดันยาย่า ขึ้นมาเล่นเป็นเพลย์เมกเกอร์เต็มตัว จากคนเล่นเกมรับ มาเป็นคนเล่นเกมรุก ซึ่งยาย่า ก็ทำประตูสำคัญให้กับทีมอย่างมากมาย จนในตอนนี้เราไม่คุ้นเคยอีกแล้ว ที่จะเห็นดาวเตะชาวไอวอรี่โคสต์คนนี้ จะไปรับบทบาทกองกลางตัวรับเหมือนในอดีต
7. ฟาบิโอ กรอสโซ่ จากกองกลางสู่กองหลัง
ฮีโร่ฟุตบอลโลกของทีมชาติอิตาลีคนนี้ เริ่มต้นจากตำแหน่งกองกลางตัวรุก ด้วยส่วนสูงถึง 190 เซ็นติเมตร ทำให้เขาคิดว่าตัวเองเหมาะกับการเล่นเกมบุกมากกว่า อย่างไรก็ตามแซร์เซ่ คอสมี่ กุนซือของเปรูจาในปี 2001 ได้แนะนำว่า เขาเหมาะกับการเล่นแบ็กซ้ายมากกว่า จากนั้นกรอสโซ่จึงถอยไปเล่นแบ็กซ้าย และกลายมาเป็นฮีโร่ของอิตาลีในเวิลด์คัพ 2006 ส่วนในขณะนี้กรอสโซ่รีไทร์จากวงการฟุตบอลเรียบร้อย โดยทำงานเป็นโค้ชเยาวชนอยู่ที่ยูเวนตุส
6. เซร์คิโอ รามอส แบ็กขวาสู่เซ็นเตอร์แบ็ก
เซร์คิโอ รามอส คือแบ็กขวาระดับท็อปของลาลีกา ในสมัยอยู่กับเซบีย่า แม้กระทั่งตอนย้ายมาเรอัล มาดริดใหม่ๆ เขาก็ยังเล่นแบ็กขวาอยู่ แต่พอโชเซ่ มูรินโญ่ จับเอารามอสไปยืนเป็นเซ็นเตอร์แบ็กเท่านั้นล่ะ ก็ได้คำตอบว่า ตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กต่างหากที่เหมาะกับรามอสอย่างแท้จริง ทำให้สุดท้ายในเวลานี้ รามอสเล่นในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง ทั้งกับเรอัล มาดริด และกับทีมชาติสเปน
5. คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จากปีกขวาสู่กองหน้า
จากปีกขวาที่ร่างกายบอบบาง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ค่อยๆขัดเกลาโรนัลโด้ ให้มีพละกำลังมากขึ้น และมีกล้ามเนื้อที่ทรงพลังมากกว่าเดิม พร้อมกับปรับตำแหน่งจากปีกขวา ให้เล่นเป็นกองหน้าในหลายๆเกม ก่อนที่โรนัลโด้ จะเริ่มไปรับบทกองหน้าอย่างเต็มตัวที่เรอัล มาดริด ซึ่งผลงานของเขาก็ไม่มีอะไรต้องพิสูจน์กันอีกแล้ว โรนัลโด้คว้าทุกแชมป์ในระดับสโมสร พร้อมกับบัลลงดอร์อีกสองสมัย
4. ลิโอเนล เมสซี่ จากปีกซ้ายสู่กองหน้า
เมสซี่ในยุคของแฟรงค์ ไรจ์การ์ด มีบทบาทเป็นปีกขวา บ้างก็สลับไปยืนปีกซ้าย ในระบบ 4-3-3 ของบาร์ซ่า โดยหน้าที่หลักๆของเขาคือลูกหาบ เป็นตัวสนับสนุนโรนัลดินโญ่ อย่างไรก็ตาม หลังจากเป๊ป กวาร์ดิโอล่าเข้ามาเป็นนายใหญ่ของบาร์เซโลน่า เขาจับเอาเมสซี่ ไปเล่นเป็นกองหน้าแบบเต็มตัว แม้เมสซี่จะมีส่วนสูงแค่ 170 เซ็นติเมตรก็ตาม แต่กวาร์ดิโอล่ามั่นใจว่า เมสซี่คือกองหน้าไม่ใช่ปีก และผลลัพธ์ก็อย่างที่ทุกคนรู้กัน เมสซี่วันนี้ ก้าวมาเป็นนักเตะเบอร์ 1 ของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
3. แกเร็ธ เบล จากแบ็กซ้ายสู่ปีกซ้าย
ในสมัยอยู่กับเซาธ์แฮมป์ตัน แกเร็ธ เบล เล่นในตำแหน่งแบ็กซ้ายมาก่อน จนย้ายมาสเปอร์สใหม่ๆ เขาก็ยังเป็นแบ็กซ้ายอยู่ แต่นับวัน การเติมเกมบุกของเบล มันชักจะจัดจ้านเกินกว่าแบ็กซ้ายทั่วๆไป จนแฮร์รี่ เรดแนปป์ ต้องดันเบลมาเล่นเป็นปีกซ้ายอย่างเต็มตัว และเบลก็ถล่มประตูกระจุยกระจาย ความเร็วของเขาเกินกว่าที่กองหลังจะต้านทานเอาไว้ได้ แม้กระทั่งหมายเลขเสื้อ จากเดิมใส่เบอร์ 3 ก็เปลี่ยนมาใส่เบอร์ 11 ตามตำแหน่ง ซึ่งผลงานจากการเปลี่ยนตำแหน่ง ทำให้เขากลายเป็นเจ้าของสถิติค่าตัวแพงที่สุดในโลกคนปัจจุบัน
2. อันเดรีย ปิร์โล่ จากกองหน้าสู่กองกลาง
ปิร์โล่ ในสมัยเริ่มต้นค้าแข้งใหม่ๆ เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวต่ำมาก่อน ตั้งแต่อยู่กับเบรสชา ไปจนถึงอินเตอร์ มิลาน อย่างไรก็ตามพอย้ายมาเอซี มิลาน ในปี 2001 คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือของมิลานในขณะนั้นเห็นว่า ปิร์โล่มีจุดเด่นคือการวางบอลที่เฉียบขาดทั้งสั้นและยาว แต่มีจุดด้อยคือความเร็ว ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับการเล่นเป็นตัวรุก เขาจับเอาปิร์โล่ถอยมายืนเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ ยืนอยู่ในระนาบเดียวกับเซ็นเตอร์แบ็ก และคอยใช้การเล่นลูกสั้นสลับยาวโจมตีคู่แข่ง ซึ่งจนถึงวันนี้ ปิร์โล่ก็ได้รับการขนานนามว่าเป็น Deep-lying playmaker แม้จะมีอายุ 35 ปีแล้วก็ตาม
1. เธียร์รี่ อองรี จากปีกซ้ายสู่กองหน้า
ในสมัยอยู่กับโมนาโก และยูเวนตุส เธียร์รี่ อองรี คือปีกซ้ายที่มีความเร็วจัด แม้แต่ในทีมชาติฝรั่งเศสชุดแชมป์โลก 1998 ก็ยังใช้งานอองรีในฐานะปีกซ้าย ไม่มีใครรู้เลยว่า ตำแหน่งที่ดีที่สุดของอองรี จริงๆแล้วคือกองหน้า แต่อาร์แซน เวนเกอร์นั้นรู้ พอย้ายมาอาร์เซน่อลในปี 1999 ด้วยค่าตัว 11 ล้านปอนด์ เวนเกอร์ จึงจับอองรีมาเล่นเป็นกองหน้าอย่างเต็มตัว และผลงานของ “ติตี้” ก็สุดยอด แค่ 8 ฤดูกาลกับทีมปืนใหญ่ เจ้าตัวยิงประตูได้ถึง 226 ลูกทุกรายการ เป็นผู้เล่นที่ยิงประตูให้ทีมได้มากที่สุดตลอดกาล และเมื่อบวกเพิ่มกับอีก 2 ลูก ที่ยิงได้ในปี 2012 ที่ย้ายกลับมาอาร์เซน่อลชั่วคราว ทำให้สถิติยิงประตูของอองรีกับอาร์เซน่อล คือ 228 ลูก ยังไม่มีใครทำลายได้จนถึงทุกวันนี้
18 สิงหาคม 2559
ผู้ชม 4270 ครั้ง
แสดงความคิดเห็น