ดูบทความสกู๊ป : เกิดอะไรขึ้นที่เมสตาญ่า
สกู๊ป : เกิดอะไรขึ้นที่เมสตาญ่า
สกู๊ป : เกิดอะไรขึ้นที่เมสตาญ่า
สนับสนุนเนื้อหา
ท่ามกลางความปิติยินดีของ บีญาร์เรอัล ที่สามารถรักษาอันดับที่ 4 ตามหลัง บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด และ แอตเลติโก มาดริด คว้าตั๋วลุยแชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้า จนทำให้เพื่อนร่วมเมื่องต่างอิจฉาไปตามๆ กัน
เลบานเต้ หนึ่งในทีมฟุตบอลของแคว้นบาเลนเซีย ปิดฉาก 6 ฤดูกาล บนลีกสูงสุด ด้วยการเป็นบ๊วยของตารางลีก ปีหน้าจึงไม่ได้เห็นพวกเขาในลาลีกาแน่นอนแล้ว
อีกทีมหนึ่งทีมจะต้องเอ่ยถึงกันในวันนี้ คือ บาเลนเซีย ยักษ์ใหญ่ประจำแคว้น ที่บารมี และสถานการณ์เงินนั้น ดีกว่าทัง บีญาร์เรอัล และ เลบานเต้ เสียอีก
แต่ผลงานในลีกกลับตรงกันข้าม เพราะพวกเขาจบได้เพียงอันดับที่ 12 ไม่มีลุ้นไปเตะฟุตบอลอื่นๆ นอกจากอยู่แต่ในประเทศ เหมือนอย่างบีญาร์เรอัล
ซีซั่นนี้ถือว่า แย่ที่สุดในรอบเกือบ 30 ปีเลยทีเดียว
ครั้งสุดท้ายที่ได้อันดับแย่กว่า 12 คือปี ใน 1988 ด้วยการจบอันดับที่ 14
เกิดอะไรขึ้น กับบาเลนเซีย ???
ฤดูกาลนี้ บาเลนเซีย เริ่มต้นด้วยการทำทีมของ นูโน่ ซานโต้ ที่ฝากผลงานอันดับ 4 ในซีซั่นที่แล้ว พาทีมไปลุยยูซีแอลได้ในซีซั่นนี้
แต่ทำไปทำมา 12 เกมแรกของฤดูกาล พวกเขาเก็บได้เพียง 18 คะแนนเท่านั้น อยู่อันดับที่ 10 พอดี ซึ่งไม่เป็นที่พอใจของปีเตอร์ ลิม จะปลด นูโน่ ออก แล้วดึงคนสนิทอย่าง แกรี่ เนวิลล์ ที่ไม่เคยมีประสบการณ์การทำทีมมาก่อนเป็นกุนซือแทน
เนวิลล์ผู้พี่ อาจจะมีดีที่ เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนบอลได้บ้าง เพราะเขาก็ถือว่าเป็นอดีตซุปตา ของวงการคนหนึ่ง เพียงแต่ว่าผลงานในสนามนั้นตรงกันข้าม
ถ้านูโน่ ว่าผลงานแย่แล้ว แกรี่ ผลงานเปรียบได้ดั่งนรกทันที 9 นัดต่อมา อดีตแบ็กขวาแมนฯ ยูฯ ทำได้เพียง 6 คะแนน โดยแต้มมาจากการเสมอ ไม่ได้มาจากการเอาชนะคู่แข่งเลย
กว่าจะมีชัยหนแรกประเดิมให้กับ แกรี่ เนวิลล์ ต้องรอถึงเกมที่ 10 สำหรับเจ้าตัว และเกมที่ 24 ของฤดูกาล กว่าจะทำได้
และหลังจากนั้น 6 เกม โดยทำทีมแพ้มา 4 นัดติดต่อกัน ปีเตอร์ ลิม ก็ทำการปลด แกรี่ เนวิลล์ ทันที โดยตั้ง ปาโก้ อาเยสตาราน สตาฟฟ์ของทีมขึ้นเป็นนายใหญ่แทน
อะไรคือเหตุผล ที่ทำให้บาเลนเซียตกต่ำขนาดนี้ ???
คนที่ควรรับผิดชอบต้องมองไปที่ ประธานสโมสร ก่อนเลย
ปีเตอร์ ลิม เป็นมหาเศรษฐีชาวสิงคโปร์ และเขาเป็น “นักธุรกิจ” ที่มาซื้อกิจการสโมสรต่อจากเจ้าของเดิม คือกลุ่มมูลนิธิบาเลนเซีย และ แบงค์เอีย โดยถือหุ้น 70 เปอร์เซ็นต์ เข้ามาบริหาเต็มตัว
โดยนับตั้งแต่ เจ้าของคนนี้เข้ามาดูแลกิจการนั้น เฌเรมี่ มาติเยอ(20), ฆวน เบร์นาต(20),ดอร์ลัน ปาบอน(5),อาดิล รามี่(5), คาร์เลส กิล(5), บาเนก้า(5), โจนาธาน บิเอร่า(5), กวาร์ดาโด้(5), บิคตอร์ รุยซ์(5) และที่ครึมโครมที่สุดคือ โอตาเมนดี้ (45)
ทั้งหมดถูกขายไปรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 120 ล้านยูโร
แล้วก็ทำการเสริม โรดริโก้(30), เนเกรโด้(15),อับเดนนูร์(15),อันเดร โกเมส(15),ซานติ มิน่า(10) และอเดิร์ลลัน(8) รวมๆ แล้ว 90 ล้านยูโร
ส่วนต่าง 30 ล้านยูโร เข้ากระเป๋ากลุ่มผู้ถือหุ้นสบายๆ
นี่กำลังจะได้อีก 30 ยูโรจากการขาย อันเดร โกเมส ให้ยูเวนตุส ตามที่เป็นข่าวอยู่ด้วย
โดย ปีเตอร์ ลิม ให้สัมภาษณ์มาตลอดว่า เขามองเห็นความมั่นคงของสโมสร โดยการพัฒนาอคาเดมี่ มากกว่าซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทัพ
เท่านี้ก็พอจะมองออกได้แล้วว่า เศรษฐีผู้นี้ คิดอะไรอยู่
พวกสมบัติเดิมก็ตัวไหนฟอร์มดี หรือเป็นนักเตะที่ตลาดต้องการก็ขายเอากำไรไปก่อน แล้วดันดาวรุ่งขึ้นมาทดแทน
บาเลนเซียอาจจะเคยทำได้ผลในกรณีพวกแบ็กซ้าย สองถึงสามเจอเนอเรชั่นที่ผ่านมา ที่ขาย อัลบา ไป 25 ล้าน ปั้น เบร์นาต ขึ้นมาต่อ แล้วพอเบร์นาตดัง ก็ขายไปอีก ก่อนจะได้ โฆเซ่ กาย่า มาจากทีมเยาวชนอีกทอดหนึ่ง โดยไม่เงินที่ได้มาราวๆ 40 ล้านยูโรนั้น ไม่ต้องเจียดมาซื้อใครทดแทนในตำแหน่งนี้เลย
ในฟุตบอลยุคปัจจุบัน หากจะหาความสำเร็จด้วยการลงทุนน้อยๆ แล้วได้ผลนั้น คงมีแต่เลสเตอร์ ซิตี้ ในพรีเมียร์ลีก ทีมเดียวเท่านั้นที่ ทำได้
ยิ่งในลาลีกา นั้นหากไม่กล้าทุ่มทุน หรือบ้าเลือดทำแบบ เชลซี, แมนฯซิตี้ และ เปแอสเช คงเบียด บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด ขึ้นมาลุ้นแชมป์ไม่ไหวแน่
การที่บาเลนเซีย หล่นวูบ จากที่ 4 มาอยู่อันดับ 12 มันคือผลจากการที่สตาร์ทั้งหลายที่เคยเป็นคีย์แมนในการ พา บาเลนเซีย ประสบความสำเร็จ ทยอยออกไปทีละรายสองราย แล้วพวกที่เติมเข้ามาบางคนก็ปรับระบบไม่ทัน
อย่าว่าแต่ลุ้นแชมป์เลย เอาแค่ขึ้นมาสู้ เซบีญ่า หรือ บีญาร์เรอัล ตอนนี้ คงไมไหวแน่ๆ เพราะคู่แข่งหนีไปไกลแล้ว
อีกหน่อยได้เห็นแต่เด็กท้องถิ่น วิ่งกันเต็มสนาม ส่วน โดยไม่เหลือสตาร์อะไรไว้ช่วยพยุงทีม ให้ก้าวหน้าอยู่ในระดับหัวแถวของตารางลีกได้อีก
แฟนบอลเอง ก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่า การขายทีมไปสู่มือนักธุรกิจ เมื่อปีสองปีที่แล้ว มันคือจุดเริ่มของความเสื่อมถอยอย่างแท้จริง